Posted 15 Sep 2025 17:27 | 2 views
ทำไมต้องทดสอบบุคลากร ESD ทุกวัน?
สรุปคู่มือเข้าใจง่าย พร้อมวิธีตั้งค่า ESD Combo Tester ให้ผ่าน Audit ตามมาตรฐาน ANSI/ESD S20.20
ESD (ไฟฟ้าสถิต) ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียแบบสุ่ม และมักเป็นความเสียหายแฝง (Latent) ตรวจไม่เจอทันที ยิ่งอุปกรณ์เล็กลง ความเร็วสูงขึ้น ความเสี่ยงยิ่งเพิ่ม มาตรฐาน ANSI/ESD S20.20 จึงกำหนด “โปรแกรมควบคุม ESD” โดยหัวใจคือ Personal Grounding และ “การทดสอบความพร้อมของคนก่อนทำงาน” อย่างสม่ำเสมอ
1) สรุปข้อกำหนดสำคัญของ S20.20 (เฉพาะส่วนบุคลากร)
- งานนั่ง (seated): ต้องใช้ wrist strap ต่อเข้ากับ common point ground ของสถานีงานเสมอ
- งานยืน (standing): เลือกได้ระหว่าง wrist strap หรือ ระบบรองเท้า–พื้น (footwear/flooring) ที่ผ่านเกณฑ์
- Wrist strap system: เกณฑ์ที่ใช้กันทั่วไปในอุตสาหกรรมคือ ค่าความต้านทานของระบบ ≤ 35 MΩ
- Footwear/flooring: ตอน “รับรองระบบ (qualify)” ต้องทดสอบให้ แรงดันร่างกายขณะเดิน (walking body voltage) < 100 V และความต้านทานของระบบ ≤ 1×10⁹ Ω
- ต้องมี แผน Compliance Verification (กำหนดรายการที่ตรวจ ความถี่ วิธีทดสอบ บันทึกผล) ตามแนวทาง TR53
หมายเหตุ: ช่วงตัวเลขที่ใช้ “หน้างานจริง” สามารถกำหนดใน ESD Control Plan ของโรงงานให้เหมาะกับกระบวนการได้ แต่ต้องอยู่บนหลักการของมาตรฐาน
2) ทำไมต้องมี “เครื่องทดสอบบุคลากร” ที่ประตู/หน้าสายการผลิต
- ตรวจว่า เส้นทางบุคคล→กราวด์ ต่อเนื่องจริง ก่อนแตะชิ้นงาน
- ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่มองไม่เห็น เช่น สายข้อมือหลวม สายขาดเป็นพัก ๆ รองเท้า ESD สึก
- เป็น หลักฐานก่อนเริ่มงาน (เสริมกับการมอนิเตอร์แบบต่อเนื่องที่โต๊ะ) เพื่อให้ พร้อม Audit ตลอดเวลา
3) ESD Combo Tester คืออะไร และต่างจากระบบล็อกอินอย่างไร
- ESD Combo Tester: ทดสอบ wrist strap + รองเท้าซ้าย/ขวา ในเครื่องเดียว ให้ผล Pass/Fail รวดเร็ว ใช้กระจายหลายจุดเพื่อให้ คน 100% ถูกทดสอบ 100% ของเวลา
- ระบบแบบมีล็อกอิน/เก็บชื่อ (เช่น Smart gate/Smart logger): เสริมฟังก์ชันระบุตัวบุคคล เก็บล็อก ออกรายงานอัตโนมัติ เหมาะ “จุดหลัก” ที่ต้องการข้อมูลเชิงลึก
- แนวทางที่แนะนำ: ใช้คู่กัน — จุดหลักใช้ระบบเก็บข้อมูล, จุดรองใช้ combo tester ให้ครอบคลุมทั้งโรงงาน
.jpg)
4) จะ “ตั้งค่าให้ผ่าน Audit” ยังไงดี (Pass Window ที่พบใช้กันบ่อย)
- Wrist strap: มักตั้ง 0.75 MΩ – 35 MΩ
- ขอบล่าง ~0.75 MΩ: ป้องกันกรณีลัดวงจร/ความปลอดภัย
- ขอบบน 35 MΩ: ให้แน่ใจว่ายังคายประจุและผูกศักย์ได้ดี
- Footwear: มักตั้ง 100 kΩ – 100 MΩ สำหรับการทดสอบบุคลากรรายวัน
- หมายเหตุ: สำหรับการ “qualify ระบบรองเท้า–พื้น” ควรทดสอบเพิ่มแบบ walking body voltage < 100 V ตาม S20.20
ค่าข้างต้นเป็น แนวทางอุตสาหกรรม โปรดระบุค่าที่โรงงานเห็นชอบใน ESD Control Plan และอบรมพนักงานให้เข้าใจเหมือนกันทั้งองค์กร
5) วิธีทดสอบที่ถูกต้อง (ลด False Fail/False Pass)
- ใส่ wrist strap แนบผิวหนัง ไม่ทับแขนเสื้อ ตรวจหัวต่อให้แน่น
- ยืนบนแป้นทดสอบ ให้รองเท้าสัมผัสเต็มพื้น ตรวจซ้าย–ขวา
- จับ/แตะปุ่มหรือแผ่นสัมผัสตามคู่มือเครื่อง ทดสอบ โหมดคอมโบ (ข้อมือ + เท้า) เมื่อจำเป็น
- ถ้าขึ้น Fail ให้ตรวจ: สายขาด, คลิปกราวด์สกปรก, พื้น/รองเท้าเปียกมัน, โลชั่น/เหงื่อมากผิดปกติ
- ทำความสะอาด แป้นเท้า/แผ่นสัมผัส เป็นประจำ (คราบซิลิโคน/ฝุ่นทำให้ค่าเพี้ยน)
6) วางระบบให้ “ผ่านจริง ใช้ได้จริง”
- ตำแหน่งติดตั้ง: หน้าประตู EPA, หน้าสายประกอบ, จุดเปลี่ยนกะ/ห้องซ่อม
- นโยบายเข้า–ออก: ผูกกับประตู/ทอนสไตล์ (ไม่ผ่าน = ไม่เข้า) เพื่อลดการละเมิดโดยไม่ได้ตั้งใจ
- ความถี่ตรวจ: อย่างน้อย “ก่อนเริ่มงานทุกกะ” และเมื่อกลับเข้าพื้นที่หลังจากออกไป
- บันทึก/รายงาน: จุดหลักใช้ระบบเก็บชื่อ—จุดรองบันทึกด้วยแบบฟอร์ม TR53 รายวัน/รายสัปดาห์
- การสอบเทียบ/ตรวจสมรรถนะ: ตั้งรอบชัดเจน และเก็บใบรับรองไว้ใน Audit Pack
7) คำถามพบบ่อย
- ตั้งค่าช่วงผ่านไม่เท่ากับโรงงานอื่นได้ไหม? ได้ ให้ยึดตาม ความเสี่ยงกระบวนการและ Control Plan ของคุณ
- มี WMS (wrist-strap monitor) แล้ว ยังต้องทดสอบหน้าประตูไหม? แนะนำให้ทำ ทั้งสองอย่าง:
- Tester = ตรวจ “ก่อนเริ่มงาน/ก่อนเข้า EPA”
- WMS = เฝ้าระวัง “ระหว่างทำงาน” กรณีสายหลุด/ขาดเป็นพัก ๆ
- รองเท้า ESD อย่างเดียวพอไหม? งานนั่งกับ ESDS ต้อง wrist strap ตามข้อกำหนด
#ESD #อิเล็กทรอนิกส์ #ควบคุมไฟฟ้าสถิต