Training and Education ESD


Posted 25 Jan 2024 09:08 | 827 views

การฝึกอบรมเพื่อเพิ่มความเข้าใจในการควบคุม ESD และให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกัน

ไฟฟ้าสถิต (Electrostatic Discharge: ESD) เป็นปรากฏการณ์ทางไฟฟ้าที่เกิดจากวัตถุสองชิ้นที่มีประจุไฟฟ้าตรงข้ามมาสัมผัสกัน การคายประจุไฟฟ้าสถิตสามารถเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยอาจสร้างกระแสไฟสูงถึงหลายล้านแอมแปร์ได้ การคายประจุไฟฟ้าสถิตอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความไวต่อไฟฟ้าสถิต เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์ แผงวงจรพิมพ์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็กอื่นๆ

ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ การควบคุม ESD เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันการเสียหายของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีมูลค่าสูง การควบคุม ESD สามารถทำได้ด้วยมาตรการต่างๆ เช่น การใช้พื้น โต๊ะทำงาน และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment: PPE) ที่ป้องกันไฟฟ้าสถิต การควบคุมสภาพแวดล้อมในการทำงาน การฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับอันตรายของ ESD และวิธีการป้องกัน

การฝึกอบรมและศึกษาเกี่ยวกับ ESD ให้แก่พนักงานทราบเกี่ยวกับอันตรายและวิธีการป้องกันของ ESD เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงของความเสียหายที่เกิดจาก ESD การฝึกอบรมควรครอบคลุมหัวข้อต่างๆ ดังนี้

1. หลักการของไฟฟ้าสถิต

ไฟฟ้าสถิตเกิดขึ้นเมื่อมีการโอนถ่ายประจุไฟฟ้าจากตัวหนึ่งไปยังตัวอื่น โดยที่ไม่มีการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน หรือการเคลื่อนที่น้อยมากในวัสดุ ทำให้มีความต่างของศักยภาพไฟฟ้าระหว่างสองตำแหน่ง การเกิดไฟฟ้าสถิตสามารถเกิดจากการนิยมประจุไฟฟ้า, การตกฟ้าตกจากสิ่งขับตัว, หรือแม้กระทั่งการเกิดแสงแดดที่ช่วยในกระบวนการอิออนิเจนและนิตรนที่ทำให้เกิดประจุไฟฟ้า

2. อันตรายและผลกระทบที่เกิดจาก ESD

การปล่อยประจุไฟฟ้าสถิต (ESD) หมายถึง การถ่ายเทประจุไฟฟ้าอย่างรวดเร็วระหว่างวัตถุที่มีประจุไฟฟ้าต่างกัน ESD อาจเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดอ่อน ความเสียหายที่เกิดจาก ESD อาจเป็นรอยขีดข่วน รอยแตกร้าว หรือการลัดวงจร ซึ่งอาจทำให้อุปกรณ์ทำงานผิดปกติหรือเสียหายอย่างถาวร

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก ESD สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่

  • ความเสียหายทางกายภาพ ได้แก่ รอยขีดข่วน รอยแตกร้าว หรือการลัดวงจร ความเสียหายทางกายภาพนี้อาจเกิดขึ้นได้เมื่อประจุไฟฟ้าสถิตไหลผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างรวดเร็ว กระแสไฟฟ้าที่สูงอาจทำให้วัสดุภายในอุปกรณ์เสียหายได้

  • ความเสียหายทางไฟฟ้า ได้แก่ ความล้มเหลวของวงจร การสูญเสียข้อมูล หรือการทำงานผิดปกติ ความเสียหายทางไฟฟ้านี้อาจเกิดขึ้นได้เมื่อประจุไฟฟ้าสถิตไหลผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่างรวดเร็ว แรงดันไฟฟ้าที่สูงอาจทำให้วงจรภายในอุปกรณ์เสียหายหรือทำให้อุปกรณ์ทำงานผิดปกติได้

ความเสียหายจาก ESD สามารถเกิดขึ้นได้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท แต่อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดอ่อน เช่น ชิปเซมิคอนดักเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางการแพทย์ และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์การบินอวกาศ มักมีความเสี่ยงสูงต่อความเสียหายจาก ESD

ผลกระทบของ ESD อาจรุนแรงมาก ความเสียหายจาก ESD อาจทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เสียหายอย่างถาวรหรือทำให้อุปกรณ์ไม่สามารถใช้งานได้ ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เสียหายจาก ESD อาจสูงมาก นอกจากนี้ ความเสียหายจาก ESD อาจทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่ปลอดภัยต่อการใช้งาน

เพื่อลดความเสี่ยงของความเสียหายจาก ESD ควรปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน ESD อย่างเคร่งครัด มาตรการป้องกัน ESD เหล่านี้จะช่วยให้ปกป้องอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีความละเอียดอ่อนจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

3. มาตรการป้องกัน ESD

การป้องกัน ESD เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มาตรการที่สามารถนำมาใช้ได้รวมถึงการสร้างห้องประกอบที่ปลอดภัย, การควบคุมความชื้น, และการใช้เครื่องมือที่ปลอดภัยจาก ESD.

ผลิตภัณฑ์ควบคุม ESD ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงของการคายประจุไฟฟ้าสถิต (ESD) และปกป้องชิ้นส่วนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ละเอียดอ่อนจากความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากไฟฟ้าสถิตย์ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักใช้ในอุตสาหกรรมเช่นการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์การประกอบและการทดสอบซึ่งการปล่อยไฟฟ้าสถิตอาจเป็นอันตรายต่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ต่อไปนี้เป็นผลิตภัณฑ์ควบคุม ESD ทั่วไปบางประเภท:

  1. ESD Garment : 

    • ESD Smocks และ Lab Coats: เสื้อผ้าที่ทําจากวัสดุที่ปลอดภัยต่อ ESD เพื่อป้องกันการสะสมและการปล่อยไฟฟ้าสถิตออกจากเสื้อผ้า
    • แจ็คเก็ตและเสื้อกั๊ก ESD: คล้ายกับ smocks และเสื้อโค้ทในห้องปฏิบัติการที่ออกแบบมาเพื่อสวมใส่ในสภาพแวดล้อมที่ไวต่อ ESD
  2. ESD Flooring : 

    • พรมปูพื้น ESD: เสื่อที่มีคุณสมบัติเป็นสื่อกระแสไฟฟ้าที่ช่วยกระจายไฟฟ้าสถิตออกจากร่างกายของบุคคลป้องกันการสะสมของประจุ
    • กระเบื้องปูพื้น ESD: กระเบื้องที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในพื้นที่ควบคุม ESD เพื่อให้เส้นทางนําไฟฟ้าสําหรับประจุไฟฟ้าสถิตกระจาย
  3. ESD Workstation Products : 

    • โต๊ะทํางาน ESD: เวิร์กสเตชันที่ออกแบบด้วยวัสดุที่ปลอดภัยต่อ ESD เพื่อป้องกันการสะสมและการคายประจุไฟฟ้าสถิต
    • เสื่อเวิร์กสเตชัน ESD: เสื่อวางบนพื้นผิวการทํางานเพื่อให้พื้นผิวกระจายสําหรับประจุไฟฟ้าสถิต
    • สายดินและสายดิน ESD: สายรัดและสายไฟที่ใช้ในการต่อสายดินผลิตภัณฑ์ควบคุม ESD ทําให้มั่นใจได้ถึงการปล่อยไฟฟ้าสถิตที่ควบคุมได้
  4. ESD Packaging Materials :  

    • กระเป๋าและกระเป๋า ESD: ถุงป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างการขนส่งและการเก็บรักษา
    • ESD Bubble Wrap และโฟม: วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติ ESD เพื่อปกป้องสิ่งของที่มีความละเอียดอ่อน
  5. ESD Storage Solutions :  

    • ถังขยะ ESD และภาชนะบรรจุ: โซลูชันการจัดเก็บที่เป็นสื่อกระแสไฟฟ้าหรือแบบกระจายสําหรับชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
    • ชั้นวางของ ESD: หน่วยเก็บข้อมูลที่ออกแบบด้วยวัสดุที่ปลอดภัยต่อ ESD
  6. ESD Test and Measurement Equipment : 

    • เครื่องทดสอบและตรวจสอบ ESD: อุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดและตรวจสอบระดับการคายประจุไฟฟ้าสถิตในสภาพแวดล้อมที่มีการควบคุม
    • เครื่องทดสอบสายดิน: เครื่องมือเพื่อให้แน่ใจว่ามีการต่อสายดินที่เหมาะสมของผลิตภัณฑ์ควบคุม ESD และเวิร์กสเตชัน
  7. Personal Grounding Products : 

    • สายรัดข้อมือ ESD: สายรัดที่สวมใส่บนข้อมือเพื่อให้เส้นทางที่ควบคุมได้สําหรับการคายประจุไฟฟ้าสถิต
    • สายรัดส้นเท้า ESD และรองเท้า Grounders: สายรัดและกราวด์ที่สวมใส่บนรองเท้าเพื่อป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้าสถิต
  8. Ionization System : 

    • ไอออไนเซอร์: อุปกรณ์ที่ต่อต้านประจุไฟฟ้าสถิตในอากาศลดความเสี่ยงของ ESD

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อ ESD ลดความเสี่ยงของความเสียหายที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้าสถิตย์ต่อชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ละเอียดอ่อนในระหว่างกระบวนการผลิตการประกอบและการจัดการ

4. ขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ปลอดภัยจาก ESD

การปฏิบัติงานที่มีความปลอดภัยจาก ESD (Electrostatic Discharge) เป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดจากการสะสมไฟฟ้าสถิต. นี้คือขั้นตอนที่สามารถนำมาใช้เพื่อปฏิบัติงานที่ปลอดภัยจาก ESD

          1. สวมอุปกรณ์ป้องกัน ESD ทุกครั้งที่ทำงานกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, ควรสวม Wrist Strap หรือเสื้อคล้อง ESD เพื่อลดการสะสมไฟฟ้าสถิตบนร่างกายและป้องกันการถ่ายโอนไฟฟ้าสถิตไปยังอุปกรณ์

          2. ตรวจสอบพื้นที่ทำงาน ตรวจสอบว่าพื้นที่ทำงานมี Mat ป้องกัน ESD หรือไม่ และรักษาให้พื้นที่มีความสะอาดเพื่อลดการสะสมไฟฟ้าสถิต

          3. ตรวจสอบอุณหภูมิและความชื้น รักษาอุณหภูมิและความชื้นในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากอุณหภูมิและความชื้นสามารถมีผลต่อการสะสมไฟฟ้าสถิต

          4. การใช้เครื่องมือที่ปลอดภัย ใช้เครื่องมือที่ทำจากวัสดุที่ไม่นำไฟฟ้าสถิต เพื่อลดความเสี่ยงจาก ESD.

          5. ดูแลอุปกรณ์ รักษาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์โดยการประสานมาตรการเพื่อป้องกันการสะสมไฟฟ้าสถิต เช่น Mat ป้องกัน ESD หรือตัวกรอง ESD

          6. ปฏิบัติงานที่มีความชุ่มชื้น การทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีความชุ่มชื้นสูงสามารถช่วยลดการสะสมไฟฟ้าสถิต

          7. ปฏิบัติงานที่มีการควบคุมไฟฟ้าสถิต ปฏิบัติงานที่มีการควบคุมไฟฟ้าสถิตโดยการใช้เครื่องมือที่สามารถควบคุมไฟฟ้าสถิตได้

          8. ระบายไฟฟ้าสถิต การระบายไฟฟ้าสถิตจากตัวเองก่อนที่จะสัมผัสกับอุปกรณ์ โดยการใช้ Wrist Strap.

          9. ตรวจสอบสภาพประจุไฟฟ้า ตรวจสอบและรักษาสภาพประจุไฟฟ้าในสิ่งแวดล้อมที่ทำงาน.

         10. ฝึกอบรมและการประชาสัมพันธ์ ฝึกอบรมบุคลากรและการสร้างความตระหนักรู้ในการป้องกัน ESD เพื่อให้ทุกคนเข้าใจและปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด

การปฏิบัติงานที่ปลอดภัยจาก ESD ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดความเสียหายที่เกิดจาก ESD แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่มีความปลอดภัยสำหรับการทำงานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในระยะยาว. การปฏิบัติตามขั้นตอนและมาตรการนี้เป็นส่วนสำคัญในการรักษาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบอิเล็กทรอนิกส์.

ที่มา: Mostori.com, bard.google.com, chat.openai.com
#mostori #esd #desco #workstation  #ไฟฟ้าสถิต